เลขาที่รักของท่านประธาน - เลขาที่รักของท่านประธาน นิยาย เลขาที่รักของท่านประธาน : Dek-D.com - Writer

    เลขาที่รักของท่านประธาน

    จากเลขาสาวหัวฟูใส่แว่นหน้าเตอะสุดเฉิ่มเปลี่ยนลุคเป็นเลขาสาวสุดเซ็กซี่ขยี้ใจทำให้ท่านประธานตดหลุมรัก

    ผู้เข้าชมรวม

    594

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    594

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ค. 67 / 19:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    บทที่ 1 เลขาฯแสนเฉิ่มบริษัทออกแบบภายใน

    หญิงสาวในชุดึสีขาวแขนยาว สวมทับอีกชั้นด้วยเสื้อคลุมตัวหนาสีครีม ท่อนล่างเป็นกระโปรงน้ำตาลยาวเลยเข่า ผมสีดำหยิกฟูไม่เป็นทรงถูกรวบไว้หลวมๆ สวมแว่นตาที่หนาๆๆ เธอหอบหิ้วกระเป๋าและแฟ้มงานเป็นตั้งลงจากรถประจำทาง เดินเข้ามาในบริษัทออกแบบภายในขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ด้วยท่าทางซุมซามชนโน่นนี้

    พนักงานหลายคนต่างมองเธอด้วยความขบขัน และอีกหลายคนมองผ่านไปเพราะเห็นแบบนี้เป็นประจำ มีเพียงรปภ.ที่เดินเข้ามาช่วยเธอถือของ

    "ผมช่วยนะครับคุณน้ำชา"

    "ขอบคุณมากเลยค่ะลุงวุฒิ" เธอส่งยิ้มเกรงใจ ของในมือที่เยอะพะรุงพะรัง จึงแบ่ง

    ให้ลุง รปภ.ช่วยถือ

    "มาแต่เช้าเลยนะครับ"

    "ค่ะ ชาต้องรีบมาเคลียร์งานนะคะ"

    เมื่อเข้ามาในลิฟต์เธอก็กดที่ชั้นบนสุด น้ำชาพูดคุยกับลุงวุฒิด้วยท่าทางเป็นกันเอง ด้วยความที่ต้องทำงานที่บริษัทจนค่ำเป็นประจำ หญิงสาวจึงมักจะมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากรปภ.และเพื่อนๆที่บริษัทเสมอ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบเอ็นดูของรปภ.และเพื่อนร่วมงานคอยช่วยเหลือเธอตลอด

    “ ติ๊ง ”ประตูลิฟต์เปิดออก

    "วางไว้บนโต๊ะได้เลยค่ะ"

    หญิงสาวพูดพลางวางแฟ้มกองโตในมือไว้บนโต๊ะทำงาน  ก่อนจะหันกลับไปกล่าว            ขอบคุณความลุงยาม

    "ขอบคุณมากเลยนะคะ"

    “ยินดีครับ”

    เธอส่งยิ้มหวาน ลุงยาม  ถึงแม้เธอจะหน้าตาเฉิ่มเชยๆ แต่เธอก็น่ารักจริงใจทำให้เป็นที่รักและเอ็นดูมากกว่าเหล่าสาวๆคนอื่นๆที่ออฟฟิศ

    โต๊ะทำงานของน้ำชาอยู่หน้าห้องของประธานบริษัท เธอมีตำแหน่งหน้าที่เป็นเลขา

    น้ำชาเข้าทำงานที่บริษัทแห่งนี้ตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ตั้งแต่พนักงานทั่วไป ด้วยความสามารถของเธอ จึงได้เลื่อนขั้นมาเป็นเลขาให้ประธานหนุ่ม “ เอ็นเน๊กซ์ ”

    เอ็นเน๊กซ์ ประธานหนุ่มมีบุคลิค เป็นคนเงียบขรึม หน้าตาเย็นชาด้วยสายตาเย็นเฉียบของประธานหนุ่มทำให่เธอทำงานเกร็งตลอดไม่กล้ามำอะไรผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย

    น้ำชาเตียมแฟ้มงานใบเสนอราคา และงบประมาณรายปีที่เอาจากบัญชี เอกสารสัญญา ต้องนำเข้าให้ท่านประธานเซ็นอนุมัติ

    จนเวลาล่วงเลยไปจน 12:00 น. เสียง แก๊กประตูห้องท่านประธานเปิดออกร่างสูงโปร่งในชุดสูท ใบหน้าหล่อเหลาดูเย็นชาไร้อารมณ์เช่นทุกวัน สายตาเย็นยะเยือกมองมายังเธอก่อนที่เขาจะเดินเข้าลิฟท์ไปประตูลิฟท์ปิดลง น้ำชาก็เก็บของเตรียมลงไปทานอาหาร

     บ่ายโมงตรง … “ ติ๊ง ” เสียงประตูลิฟท์เปิด เอ็นเน๊กซ์เดินออกจากลิฟท์แล้วตรงมาที่โต๊ะเลขาสาวแล้วยืนแก้วกาแฟให้เธอ “ฉันซื้อมาฝาก” เอ็นเน๊กซ์เอ่ยแล้วเดินเข้าห้องทำงานไป

    ก๊อก ก๊อก

    "ขออนุญาตค่ะ"

    "เชิญ"

    เสียงภายในห้องตอบรับ  เธอจึงผลักประตูเข้าไป แล้วบอกตารางงานวันนี้ ช่วง 3 โมงมีประชุมกับผู้ถือหุ้นค่ะ ตอน 1ทุ่ม ท่านประธานมีนัดทานข้าวกับคุณอรรณพนะคะ

    "การประชุมกับผู้ถือหุ้น  น้ำชาส่งรายละเอียดประชุมเข้าอีเมลท่านประธานแล้ว นะคะ..."

    การประชุมผ่านไป 2 ช.ม…….. “ - ”

    ประชุมกันนานจนเวลาล่วงเลยมา 5 โมงเย็น การประชุมไกลบ้านเน็ตผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร  หัวข้อหลักของการประชุมวันนี้ เกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาออกแบบอีก 10% จากเดิมทุกฝ่ายเห็นชอบ…..จนเวลาล่วงเลยมาจนถึง 18:30 น.

    ก๊อก…ก๊อก…

    “ เชิญ ” 

    “ ขออนุญาตค่ะ ”

      ใก้ลเวลานัดคุณอรรณพแล้วค่ะ ….รถพร้อมแล้วนะค่ะท่านประธาน เลขามาเตือนตารางนัดหมายอีกครั้งก่อนเลิกงาน….

    เอ็นเน๊กซ์ มองเลขาสาวเป็นระยะ ภายใต้กรอบแว่นและทรงผมฟูหนาแทบจะบดบังใบหน้าของเธอ น่าดึงดูด สาวมั่นใจ เฉลียวฉลาด ซึ่งดูขัดกับเสื้อผ้าการแต่งตัวและท่าทางที่เธอแสดงออก ทำให้สามารถดึงความสนใจจากชายหนุ่มได้บ่อยๆ

    ประธานหนุ่มปิดโน๊ตบุ๊ค  แล้วลุุกขึ้นพร้อมเอ่ย  “ พร้อมล่ะครับ "

    "ส่วนเอกสารบนโต๊ะนี้เป็นเอกสารเบิกงบประมาณของแต่ละแผนกในบริษัทค่ะ แล้วก็เอกสารที่ต้องเซ็นอนุมัติพรุ่งนี้ส่ายๆ น้ำชาเข้ามาเอานะคะ"

    “...” เธอพูดจบพร้อมเปิดประตูให้ท่านประธาน แล้วตรงไปปิดคอมฯที่โต๊ะทำงานก่อนเก็บกระเป๋ากลับบ้านได้เวลาเลิกงานแล้ว….

    " น้ำชาเห็นว่าคุณอรรณพค่อนข้างสนิทกับครอบครัวประธาน และคุณอรรณพก็บอกมีเรื่องสำคัญจะคุยเป็นการส่วนตัว "

    “ อืม ”

    ประธานหนุ่มตอบแล้วเดินเข้าลิฟต์จากไปแล้ว

    ณ. คอนโดน้ำชา

    หลังจากนั่งรถไฟฟ้า ผ่านไปประมาณ 30 นาที หญิงสาวก็กลับมาถึงที่พัก เธอแตะคีย์การ์ดเปิดประตูห้อง เดินเข้าไปด้านในคอนโด พื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน ทุกอย่างภายในห้อง ตกแต่งสไตล์มินิมอล ช่วยให้สบายตา และรู้สึกว่าห้องดูกว้างขึ้น

    ร่างอันบอบบางของเธอมือเรียวเล็กได้วางถุงอาหารที่แวะซื้อร้านสะดวกซื้อใต้คอนโดบนโต๊ะอาหารที่ติดกับเคาน์เตอร์ครัว เธอเดินไปยังห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกัน เดินไปยังระเบียงเปิดผ้าม่านที่ติดระเบียงออกรับลมเย็น ที่สายลมเย็นพลัดมากระทบที่หน้าทำให้สดชื่นขึ้นพร้อมกับเดินมาที่หน้าทีวีเปิดเครื่องพ่นน้ำหอมอโรม่า ไม่นานทั้งห้องก็หอมไปด้วยกลิ่นของลาเวนเดอร์

    กลิ่นหอม ทำให้ความตึงเครียดจากงาน มาทั้งวันผ่อนคลายลง น้ำชาเธอเดินไปถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนบางๆผ้าเบาสบาย

    ภายใต้เสื้อผ้าเฉิ่มๆ ซ่อนรูปร่างเซ็กซี่เย้ายวนเอาไว้ ผิวกายขาวเนียนสัดส่วนได้รูป เอวบางเล็กคลอดสะโพกได้รูปเซ็กซี่สุดๆ ติดนิดเดียวทรงผมที่หยิกชี้ฟูไม่เป็นทรงและแว่นตาหนาเตอะของเธอ…..

    <<<<<<

    บทที่ 2 รางวัลจากท่านประธาน

    ขณะน้ำชากำลังนอนแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

    ตื๊ด….ตื๊ด….ตื๊ด

    ร่างบอมบางลุกขึ้นจากอ่าง แล้วมือเรียวเล็กของเธอเอื้อมหยิบผ้าคลุมที่อยู่ข้างๆอ่าง มาสวมใส่ก่อนเปิดประตูห้องน้ำออกมา…..

    หยิบโทรศัพท์ที่วาง อยู่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วรับสาย…..

    “สวัสดีค่ะพี่ปัทมา”

    ( ขอโทษนะที่พี่ต้องรบกวนกลางดึกแบบนี้ แต่ทางเวียดนามเพิ่งแจ้งเข้ามาสินค้าที่ทางเราสั่งมาตกแต่งภายในให้ลูกค้าได้รับความเสียหาย)

    "ขอรายละเอียดหน่อยค่ะ"

    " ทางเวียดนามถ่ายรูปความเสียหายมาให้ค่ะ แล้วจะรีบส่งสินค้าใหม่มาให้ทันที ทางเราอาจจะทำงานไม่เสร็จตามสัญญาที่นัด ลูกค้าไว้ พรุ่งนี้เช้าแจ้งลูกค้าก่อนนะคะ แล้วให้ทีมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าประชุมตอน 9 โมงครึ่งค่ะ"

    “ ได้ค่ะ ”

    "ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้"

    ปัญหาเข้ามาแบบนี้ทำให้หญิงสาวหมดแรง กว่าจะคุยรายละเอียดปัญหาทั้งหมดเสร็จเวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบตี 2 เธอทิ้งร่างเล็กล้มตัวนอนบนโซฟา….

    บริษัทออกแบบภายใน

    ภายในห้องประชุมบริษัท หัวหน้าฝ่าย แต่ละแผนกมีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อลูกค้าโวยวายเรียกร้องให้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดถ้าเราตกแต่งให้เสร็จไม่ทันภายในเวลาที่กำหนด

    " บริษัทเฟอร์นิเจอร์ เป็นลูกค้ากับเรามา 4 ปี ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหามาก่อนเลย ผมว่าน่าจะเกิดปัญหาจากความแข็งแรงของเฟอร์นิเจอร์นะครับ"

    "ทางบริษัทที่เวียดนามจะต้องรับผิดชอบในการเสียหายครั้งนี้นะครับ"

    “ทางเราจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้ลูกค้า ที่ทำไม่เสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด”

    “แต่ความจริงแล้วความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากเรา ”

    “เกิดจากต้นทางจากบริษัทขนส่งทำให้งานของเราเสร็จไม่ทันเวลา”

    และตามมาด้วยข้อถกเถียงอีกหลายอย่าง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครอยากเป็นผู้รับผิดชอบ

    น้ำชาเลขาสาวที่นั่งฟังปัญหาทั้งหมด ด้วยความตึงเครียดเธอก็อึดอัดจนทนไม่ไหวกับเสียงโต้เถียงดังราวกับไม่มีวันจบสิ้น เธอฟังอยู่นานเริ่มทนไม่ไหวยกมือขึ้นเพื่อขอจังหวะพูด แต่ไม่มีใครสนใจเธอ เธอจะเอ่ยขออนุญาตขึ้นแต่เสียงอันอ่อนนุ่มของเธอทำให้ไม่มีใครได้ยิน

    เธอจึงกระโดดขึ้นไปบนเก้าอี้ แล้วทิ้งแฟ้มลง!!!

    “ ดังโพ๊ะ”

    เรียกความสนใจของทุกคนได้ทันที!!!  เธอชิ่งพูดสรุปข้อการประชุม

    "เอาล่ะค่ะ เดี๋ยวทางทีมงานช่วยหาหลักฐานดูจากกล้องทีค่ะ  ว่าทางบริษัทที่เวียดนามมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุที่มาทำเฟอร์นิเจอร์ให้เราหรือเปล่า หลังจากทีมวิศวะกรตรวจสอบ ทางฝ่ายขาย ช่วยประสานงานกับบริษัทเฟอร์นิเจอร์ทางเวียดนามและคุยกับลูกค้าสรุปยอดค่าเสียหายทั้งหมดที่ลูกค้าจะเรียกร้องด้วย  อีก 45 นาทีขอข้อสรุปนะคะ….

    จากนั้นเธอเดินออกจากห้องประชุมแล้วขึ้นลิฟท์มายังชั้นบนสุดและตรียมกาแฟกับเอกสารให้ประธานนุ่มเหมือนทุกวัน เธอกับต้องแปลกใจเมื่อวันนี้ไม่เห็นประธานหนุ่มในห้องเหมือนทุกวัน…

    แก๊ก… ( เสียงเปิดประตู)

    เธอสะดุ้งแล้วหันกลับไป เป็นประธานหนุ่มที่แสนเย็นชาเป็นผู้เปิดประตูเข้ามาในห้อง

    น้ำชารีบหันกลับไปกล่าวทักทายเจ้านายของเธอทันที

    “ สวัสดีค่ะท่านประธาน ”

    ประธานหนุ่มไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่เขามีท่าทีหงุดหงิดเลขาสาวอย่างเห็นได้ชัด!!

    ประธานหนุ่มอาจจะดูเฉยๆเหมือนจะไม่สนใจบริษัทของเขา แต่เขาชอบดูผลงานของลูกน้องว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างไร แต่การตัดสินใจทุกครั้งก็ต้องให้เขาตัดสินใจในทุกครั้งก่อนอยู่ดี...

    กริ๊ง…กริ๊ง…กริ๊ง…

    “ ฮัลโหลค่ะ ”

    “ เข้ามาพบฉันที่ห้องหน่อย ”

    ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…

    "ขออนุญาตค่ะ"

    "เชิญ"

    ประธานหนุ่มตอบรับ น้ำชาเปิดประเข้าไปก้มหน้าเดินมาที่โต๊ะท่านประธานแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า

    “ ท่านประธานมีอะไรให้รับใช้ค่ะ ”

    “ เมื่อวานทำไมเธอไม่บอกฉัน ”

    “ เรื่องอะไรค่ะ? ”

    เลขาสาวงยหน้าขึ้น มองกลับด้วยความมึนงง!! 

    “นัดกินข้าวเมื่อวาน ”

    " เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าคุณอรรณพพยายามจะจับคู่ฉันกับลูกสาวเขา"

    " ดิฉันไม่ทราบจริงไปนะคะ " ตอบเสียงอ่อย

    แล้วทำไมเธอไม่บอกฉัน ดิฉันไม่ทราบจริงๆค่ะ คุณอรรณพแจ้งแค่ว่าขอนัดทานข้าวเป็นการส่วนตัว ดิฉันเลยไม่กล้าตามไปด้วยค่ะเห็นครอบครัวท่านประธานสนิทสนมกับครอบครัวคุณอรรณพอยู่แล้วค่ะ….

    "ใครเป็นเจ้านายเธอกันแน่"

    "ขอโทษค่ะ"

    " อย่าให้เกิดแบบนี้อีก มีอะไรเธอต้องรายงานฉันตามตรงเข้าใจไหม "

    " รับทราบค่ะ "

    ประธานหนุ่มหล่อสูงเงียบไป แล้วหยิบแก้วกาแฟตรงหน้าขึ้นมาจิบ 

    น้ำชา ดูท่าทีของเจ้านาย เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอจึงเริ่มรายงานตารางงานให้เขาฟังตามปกติ และแจ้งเรื่องการเสียหายของเฟอร์นิเจอร์และข้อชดเชยที่เราต้องเสียให้ลูกค้าให้้ประธานหนุ่มฟัง

    เอ็นเน๊กซ์นั่งฟังเธอเงียบๆ ใบหน้าอันหล่อเหลา ไม่แสดงท่าทีแต่อย่างใด เขามองไปทางหน้าต่างเหม่อรอยเหมืินเขากำลังคิดอะไรอยู่ เลขาสาวพูดปัญหาทั้งหมดจบ เขาวางแก้วในมือและหันมาทางเธอ  เอ็นเน๊กซ์กอดอกแล้วเอ่ยถามเลขาสาวขึ้น….

    " เธอมีความคิดเห็นยังไง" น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยถามขึ้น

    "ชาคิดว่าน่าจะคุยกับบริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่เวียดนามให้เขาชดใช้ค่าเสียหายให้ลูกค้าแต่ทางเราก็จะช่วยด้วยในส่วนนึง ประมาณ 10% ของค่าเสียหายทั้งหมดที่ลูกค้าเรียกร้องค่ะ"

    "น้ำชาลองคุยกับลูกค้าและบริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่เวียดนามเรื่องค่าปรับคราวๆแล้วค่ะ ประมาณ 2 แสนกว่าบาท ทางเราช่วย 10% เป็นการแสดงน้ำใจก่อนทางเราก็มีส่วนผิดที่ทำงานเสร็จไม่ทันเวลา แต่ทางบริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่เวียดนามยินดีรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด แต่ทางเรากับเวียดนามเป็นลูกค้าประจำกันมานานกว่า 5 ปีแล้วเพื่อมิตรภาพดีๆที่มีให้กันมาทางเราจึงช่วยทางนั้นออก 10% และทางลูกค้าก็ยินดีแล้วก็ลดค่าเสียหายให้ค่ะ….

    "..."

    เธอพูดจบ ต่างฝ่ายต่างเงียบก่อนที่ท่านประธานจะเอ่ยขึ้นว่า

    " ไปจัดการให้เรียบร้อย แล้วมารายงานฉันด้วย "

    เอ็นเน๊กซ์ เอ่ยขึ้น ก่อนเปิดแฟ้มงานอ่าน แล้วน้ำชาก็ตอบรับ

    “ ค่ะ ท่านประธาน ” 

    เธอได้รับการอนุมัติจากเจ้านายแล้ว เธอรีบเดินออกจากห้องไปเพื่อไปจัดการปัญหาที่คั่งค้างต่อให้เสร็จลุล่วง

    เมื่อเข้าประชุมอีกครั้งทุกอย่างก็ราบรื่น ลุล่วงไปได้ด้วยดี แบบแผนของน้ำชาซื้อใจลูกค้าอละบริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่เวียดนามได้ผลดีเลยทีเดียวเป็นที่พอใจกันทั้ง 2 ฝ่าย

    หัวหน้าแผนก ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต่างก็ต้องขอบคุณเลขาสาวที่สามารถรับมือกับปัญหาและช่วยแก้ไขปัญหาได้ด้วยดีเป็นที่ยอมรับด้วยความเฉลียวฉลาดของเธอ ทุกฝ่ายกล่าวชมเธอไม่ขาดปาก ด้วยความสามารถอันล้นเหลือ….ทำเอาเธอยิ้มแก้มปริเลยที่เดียว

    เอ็นเน๊กซ์นั่งฟังการประชุม  ยาวนาน เกือบ 2 ชม.  นั่งเข้มขึง เงียบไม่พูดอะไรเลยสักคำ หลังจบการประชุม ก็รีบเดินจั้มอ้าวกับห้องทำงานทันที……เลขาก็รีบเร่งเดินให้ทันท่านประธานหนุ่มที่เดินกลับห้องทำงาน หอบเอกสารพะรุงพะรังมาด้วย

    แต่แล้วจู่ๆ เขาก็หยุดกะทันหัน ทำให้เลขาสาวที่รีบเร่งเดินตามชนหลังของเขาเข้าเต็มแรงจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น แฟ้มเอกสารหล่นกระจายเต็มพื้น

    เอ็นเน๊กซ์หันมาแล้วเหลือบมองความซุ่มซ่ามของ น้ำชาด้วยแววตากึ่งสมน้ำหน้ากึ่งสะใจนิดๆแอบอมยิ้มมุมปาก ก่อนจะยืนมาดึงเธอลุกขึ้นพร้อมพูด…

    " ลุกขึ้นเถอะ "

    “ตามฉันมาที่ห้อง ”

    พูดว่าจบประธานหนุ่มก็เดินจากไปทันที น้ำชาได้แต่บ่นในใจ(คนอะไรเย็นชาสิ้นดี )

    พลางบ่นพึมพำ ฉันทำไรผิดอีกเนี้ย บ่นไปเดินไปเอาแฟ้มที่หล่นไปจัดวางที่โต๊ะทำงานของเธอก่อนเดินไปเคาะประตู

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก…..

    "เข้ามา"

    เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะผลักประตูเปิดเข้าไป

    “ค่ะ ”

    " ท่านประธานมีอะไรให้ชารับใช้คะ "

    “ นี้ฉันให้ ”น้ำชามึนงง ยื่นมองซองขาวที่อยู่ในมือท่านประธานคิดในใจ

    ( เขาจะไล่ฉันออกหรอ…ไม่นะ )ทำใจดีสู้เสือเอ่ยถามขึ้นอีก

    " ซองอะไรเหรอคะ"

    " ฉันให้พิเศษถือว่าเป็นโบนัสที่ครั้งนี้เธอแก้ปัญหาได้ดี ฉันให้เธอ "

    “ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ  ” มันเป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้วค่ะ

    “ รับไปเถอะฉันให้ ” ประธานหนุ่มเอ่ย

    " ขอบคุณค่ะท่านประธาน " 

    เลขาสาวเปิดยิ้มกรุ้มกริ่ม ถือซองไว้ในมือแน่นหัวใจ เธอประหลาดใจมากที่ เอ็นเน๊กซ์ให้ควายิมรับและไว้ใจในการทำงานของเธอที่ผ่านมาไม่ว่าเธอทำงานดีแค่ไหน เอ็นเน๊กซ์ไม่เคยเอ่ยคำชมใดๆเลย….

    เอ็นเอ๊กซ์มองหน้าเลขาสาวเหม่อลอย เพราะเขาเพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มของเลขาสาว กับทำให้เขารู้สึกแปลกไปใจเต้นแรงมากๆ  เขาคิดในใจว่าเขาบ้าไปแล้วแน่ๆ ยัยแว่นนี้นะมีอะไรน่ารักบ้าจริง พลางๆไล่เธอออกไป

    " เสร็จธุระแล้วก็ออกไปได้ล่ะ ฉันจะทำงาน "

    " ค่ะ "

    น้ำชาดีใจมากรีบเดินออกจากห้องมานั่งที่โต๊ะทำงาน พอเปิดซองออกดูหายเหนื่อยเลยทีเดียว ในซองมีเช็ค 100,000.- บาท โห่…ท่านประธานใจดีจังเทียบเท่าเงินเดือนทั้งเดือนเลยนะเนี่ย

    เอ็นเอ๊กซ์แอบมองเลขาสาวผ่านมูลี่ในห้อง เห็นเลขาสาวที่นั่งดีใจอยู่ที่โต๊ะ ดูโก๊ะๆเหมือนเด็กได้ของขวัญไม่มีผิดแล้วอมยิ้มมุมปาก ยังคงบุคลิกเข้มขรึม เย็นชา เช่นเคยที่ผ่านมาประธานหนุ่มรับรู้มาตลอดในผลงานของน้ำชา และความสามารถของเธอสมกับค้างจ้าง เงินเดือนของเลขาสาว 2xx,xxx.- บาท/เดือน มีนก็สมเหตุสมผลกับความสามารถของเธอ

    เลขาสาวพัฒนาฝีมือของเธอจนสามารถทำให้ท่านประธานพอใจเธอรู้ว่าเขาต้องการอะไรโดยที่เขาไม่ต้องสั่งด้วยซ้ำ ครั้งนี้จึงมอบรางวัลเพื่อตอบแทนความพยามของเธอเสียหน่อย

     

    <<<<<<

    บทที่ 3 โกดังสินค้า

    รถยุโรปคันใหญ่แล่นไปตามทางดินลูกรังของพื้นที่ห่างไกลตัวเมือง ต้นไม้หนาทึบช่วยพรางสายตาจากบุคคลภายนอกได้เป็นอย่างดี รอบโกดังมีรัวเหล็กสนิมเกาะล้อมเอาไว้อีกชั้น เมื่อดูจากภายนอกก็ไม่ต่างจากสถานที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง หากแต่ความจริงภายในอัดแน่นไปด้วยสินค้าผิดกฎหมาย

    เอ็นเน๊กซ์เดินทางมาพร้อมกับลูกน้องเพื่อมาประชุมกับกลุ่มเพื่อนตามปกติ ใบหน้าเฉยชาสวมแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมนั้นไม่ต่างจากหนุ่มเนิร์ดคงแก่เรียน มักมีหนังสือติดมือเสมอ ใครที่พบเขามักจะนึกว่าชายหนุ่มเป็นหมอหรือทนายความ แต่ความจริงเขาคือมาเฟียดีๆ นี่เอง

    ภายในโกดังมีลูกน้องหลายคนเดินไปเดินมาขวักไขว่ ตรวจเช็กสินค้าก่อนส่ง เอ็นเน๊กซ์ซึ่งมีบริษัทโลจิสติกส์เป็นของตัวเอง จึงสามารถแอบลักลอบส่งสินค้าพวกนี้ไปกับเรือได้สบาย

    ชั้นใต้ดินของโกดังเป็นทางเดินคดเคี้ยว แยกย่อยหลายทิศทาง ชวนให้สับสน แต่คนที่คุ้นเคยเส้นทางดีอย่างเขาสามารถหลับตาเดินมาจนถึงห้องประชุมกว้างได้สบาย

    "ไง มาเร็วตลอดเลยมึง" ปีเตอร์นั่งเอกเขนกอยู่กลางโซฟาเพียงลำพัง พร้อมจิบกระป๋องเบียร์ในมือไปด้วยเอ่ยทัก ก่อนจะโยนกระป๋องเบียร์เย็นเฉียบอีกอันมาทางเขา

    "..." เอ็นเน๊กซ์รับไว้อย่างแม่นยำ เปิดกระป๋องเครื่องดื่มในมือยกขึ้นจิบเล็กน้อย ทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามเพื่อนสนิท

    ภายในห้องอัดแน่นด้วยโซฟายาวหลายตัวตั้งล้อมโต๊ะเตี้ย ไร้การประดับตกใดๆ ทุกอย่างเน้นการใช้งานจริง มุมห้องมีตู้เก็บเอกสารเก่าๆ และยังมีตู้เย็นขนาดเล็ก อัดแน่นด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนเต็ม มุมอีกด้านมีโต๊ะทำงานไม้ตัวหนา แต่กลับไม่เคยมีใครไปใช้

    "มึงสามารถส่งของไปสิงคโปร์ได้ไหม กูกำลังดีลกับลูกค้าใหม่อยู่" ปีเตอร์ถามขึ้นมา

    "สบาย มารับที่ท่าเอง"

    "จะไม่โดนสุ่มตรวจ?"

    "ไม่อะ ไม่กล้าตรวจตู้กูหรอก" ร่างสูงไหวไหล่เบาๆ เขามีเส้นสายอยู่ทั่ว และจัดการยัดเงินใต้โต๊ะไปจำนวนมาก แค่นี้พวกเจ้าหน้าที่โลภมากก็พร้อมจะหลับหูหลับตาไม่สนใจเรื่องของเขาแล้ว

    "หึ" ปีเตอร์แค่นหัวเราะ กระดกเบียร์อึกใหญ่อย่างสบายอารมณ์

    เมื่อยังไม่มีใครมาเอ็นเน๊กซ์จึงเปิดหนังสือที่หยิบติดมือมาอ่านเล่นฆ่าเวลา ด้วยไอคิวที่มากถึง 180 ทำให้เขาชอบศึกษาอะไรใหม่ๆ เสมอ เขาชอบตัวเลข เทคโนโลยี และตอนนี้กำลังสนใจการเขียนโค้ด แฮกระบบ และพัฒนาโปรแกรม

    เขาจบมหาลัยตั้งแต่อายุ 16 แต่พ่อแม่ชายหนุ่มอยากจะให้เขามีชีวิตวัยรุ่นเหมือนเด็กทั่วๆ ไป จึงส่งเอ็นเน๊กซ์กลับมาเรียนระดับมัธยมอีกครั้งเพื่อเข้าสังคม ทำให้ได้เจอปีเตอร์ตอนช่วงมอปลาย ระหว่างนั้นเขาก็ต่อปริญญาโทเกียรตินิยมอีกใบควบคู่ไปกับการเรียนในระดับมัธยม

    เอ็นเน๊กซ์ไปเรียนต่อมหาลัยที่บอสตันอีกใบ หลังจากจบมาก็ยังติดต่อกับปีเตอร์มาตลอด เพื่อนสนิทแนะนำให้เขาได้รู้จักอองรี และโรเซ่ เมื่อเริ่มสนิทกันมากขึ้น ทั้งหมดเลยตัดสินใจทำธุรกิจมืดร่วมกัน

    ไม่นานใบหน้าร่าเริงสดใสของอองรีก็โผล่มาพร้อมลูกน้องคนสนิท และปิดท้ายด้วย

    โรเซ่ การประชุมจึงเริ่มขึ้น

    "กูได้ข่าวมาว่าพวกไอ้จัสตินมันเริ่มสนใจอยากเข้าธุรกิจนี้" ปีเตอร์เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ หลังจากอองรีอวดสรรพคุณอาวุธชนิดใหม่เสร็จแล้ว

    "เฮอะ! นอกจากค้าอวัยวะแล้วยังอยากมาทำอาวุธอีกเหรอ" อองรีพ่นลมขึ้นจมูก หันกลับไปถาม

    "ช่วงนี้ส่งของต้องระวังกันหน่อย"

    "ถ้ามันกล้ายุ่ง ก็เก็บให้เรียบ" โรเซ่เอ่ยเสียงเย็นแววตาวาวโรจน์

    "หึหึ" อองรีแค่นหัวเราะ แสยะยิ้มถูกใจกับคำพูดเพื่อนรัก

    "..."

    "เรื่องกลุ่มไอ้จัสติน...เดี๋ยวกูลองตามสืบดู" เอ็นเน๊กซ์ที่นั่งเงียบฟังอยู่นานเอ่ยขึ้น รู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจ พอจะเคยได้ยินเรื่องอีกฝ่ายอยู่บ้าง ถึงความเจ้าเล่ห์ กัดไม่ปล่อย หากไม่เตรียมรับมือ คาดว่าคงมีเรื่องหน้าปวดหัวตามมาในอนาคตแน่นอน

    เขาเคยเจอจัสตินตามงานสังคมหรือการประชุม พ่อของจัสตินเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขควบตำแหน่ง ผอ.โรงพยาบาลใหญ่ ใครจะคิดว่าเบื้องหลังนายแพทย์ท่าทางเคร่งขรึมทำงานเพื่อสังคมจะมีลูกชายค้าอวัยวะเถื่อน

    "นึกขยันอะไรขึ้นมาว่ะ" อองรีเอียงคอมองอย่างสงสัย

    "...แค่มีเรื่องสงสัย" ใบหน้าหล่อเหล่าเย็นชาภายใต้กรอบแว่น เอ่ยเพียงแค่นั้น ก่อนจะจมดิ่งกับความคิดของตัวเองอีกครั้ง ปล่อยให้กลุ่มเพื่อนพูดคุยหลอกล้อกันต่อ

    "ไอ้เทมมะจะกลับมาเมื่อไหร่" น้ำเสียงเรียบถาม 'ตะวัน' ลูกน้องคนสนิทอีกคนของเขาขณะนั่งรถกลับเพ้นต์เฮ้าส์ส่วนตัว

    "น่าจะอีก 2 3 วันครับ"

    "..."

    ร่างสูงเงียบไปอีกครั้ง เหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างรถ ตะวันที่รับหน้าที่ขับรถลอบสังเกตสีหน้าของเจ้านาย

    "นายมีเรื่องอะไรให้ผมไปจัดการให้ก่อนไหมครับ"

    "..."

    รถตกอยู่ภายใต้ความเงียบอีกครั้ง แม้ตะวันจะทำงานกับเอ็นเน๊กซ์มานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยชินกับความเงียบขรึมของอีกฝ่ายเท่าไหร่ ในขณะที่คิดว่ามาเฟียหนุ่มคงรอให้เทมมะเพื่อนร่วมงานกลับมาจัดการ เจ้านายก็เอ่ยปากขึ้นมาเสียก่อน

    "งั้นนายไปสืบเรื่องไอ้จัสตินให้หน่อย อยากรู้ช่วงนี้มันทำอะไรบ้าง"

    "ได้ครับ"

    ไม่นานรถคันหรูก็แล่นมาถึงอาคารสูง 15 ชั้นใจกลางกรุง.. ซึ่งเป็นที่พักของเอ็นเน๊กซ์ ชายหนุ่มรักความเป็นส่วนตัว จึงซื้อเหมาทั้งตึกและปรับเปลี่ยนให้เป็นที่พักสำหรับลูกน้องด้วย โดยชั้นบนสุดของอาคารตีทะลุทั้งชั้นและทำเป็นเพนต์เฮ้าส์ส่วนตัว อัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีมากมาย

    ห้องพักลูกน้องก็ถูกจัดสรรไว้ลงตัว มีสระว่ายน้ำส่วนกลาง ห้องออกกำลังกาย ห้องซ้อมยิงปืน ห้องอาหาร มุมพักผ่อน ลูกน้องทุกคนต้องทำงานบนความเสี่ยงทำให้เจ้านายหนุ่มทุ่มสวัสดิการเต็มที่ จนทุกคนจงรักภักดีทุ่มเทยอมทำงานถวายหัวให้เขา

    เอ็นเน๊กซ์เดินเข้าสู่ที่พัก ลูกน้องต่างโค้งศีรษะทำความเคารพ เขาพยักหน้ารับเล็กน้อย ใบหน้ายังคงเฉยชาเช่นทุกวัน ร่างสูงสแกนนิ้วมือและกดรหัสที่ลิฟต์ ก่อนมันจะเคลื่อนตัวสู่ชั้นบนสุด

    ภายในห้องพักส่วนตัวกว้างขวาง โปร่งโล่ง ด้านหนึ่งเป็นห้องครัวขนาดใหญ่ตกแต่งโทนสีเข้ม ถัดไปมีโต๊ะกินข้าวขนาด 14 ที่นั่ง อีกด้านเป็นห้องนั่งเล่นกว้าง แม้จะไม่มีผนังกั้น แต่ก็จัดไว้เป็นสัดส่วน โทรทัศน์จอแบนขนาดมหึมา ติดผนังพร้อมระบบเครื่องเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทาง โซฟาหนังสีเข้มตัวใหญ่ล้อมโต๊ะเตี้ยเป็นตัวยู ด้านหลังเป็นห้องย่อยๆไปอีก ทั้งห้องฟิตเนสส่วนตัว ห้องเก็บหนังสือ ห้องซักรีดเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด ห้องน้ำ ที่มุมสุดเป็นประตูสีดำสนิทดูแน่นหนาทนทาน ก่อนจะเข้าไปได้ต้องสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งเขาเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์เข้าห้องนี้

     

    <<<<<<

    บทที่ 3 บุพเพสันนิวาส

    วันเสาร์คอนโดน้ำชา

    หญิงสาวตื่นขึ้นมาในช่วงสายๆ วันหยุดทั้งทีจึงขอนอนให้เต็มที่หน่อยน้าเธอลุกขึ้นนั่งบิดกายขี้เกียจอยู่บนที่นอน ผมยาวหยิกยุ่งชี้ฟู ใบหน้าสดใสตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อยเซ็กซี่ชวนมอง ติดอย่างเดียวเส้นผมที่หยิกและชี้ฟูของเธอเท่านั้นที่ขัดต่อใบหน้าของเธอจังเลย เธอขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะลุกออกจากเตียงไปอาบน้ำ….

    หญิงสาวสวมชุดเดรสสีชมพูพาสเทล น่ารัก หวานๆ เซ็กซี่นิดหน่อย อวดหุ่นเป๊ะของเธอ เธอเข้าครัวเปิดตู้เย็น หยิบไส้กรอกออกมาใส่จานเข้าไมโครเวฟ  เธออยู่ตัวคนเดียวทานอะไรง่ายๆ

    “ ติ๊ง ” ( เสียงไมโครเวฟดังขึ้น)

    เธอยกจานไส้กรอกกับน้ำส้มคั้นมานั่งทานตรงโซฟากลางห้องนั่งเล่น หยิบมือถือเลื่อนเปิด IG เลื่อนดูไปเรื่อยเปื่อยพลางใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกเข้าปาก

    กริ๊ง  กริ๊ง  กริ๊ง….. ( โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้น )

     แก๊งเพื่อนสาวคนสนิทโทรเข้ามาพอดี

    " ฮัลโหล ว่าไงแก "( ไม่ได้คุยกันนานมาก เป็นไงบ้าง) มะปรางเอ่ยถาม

    " เหมือนเดิมแหละแก "

    “ งานฉันเหนื่อยจะตายแล้ว " 555

    น้ำชาขำออกมาเพราะคำพูดของเพื่อนสนิท ที่รู้ใจเธอเป็นอย่างยิ่งในทุกครั้งที่ได้พูดคุยกันก็เหมือนได้ย้อนไปในสมัยเรียนอีกครั้ง

    " ว่างไหม " 

    วันนี้วันเสาร์ นัดเจอกันหน่อยไหม ไปกินข้าวดูหนังที่ห้างกันป่ะ…

    “ ก็ดีเหมือนกัน ” ( อีก 2 ช.ม.เจอกันนะ )

    " โอเค แล้วเจอกัน "

    น้ำชาตกลงอย่างว่าง่ายเพราะเธอตั้งใจ จะเอาโบนัสที่ท่านประธานให้มาไปช็อปปิ้งอยู่พอดี ถือโอกาสได้ใช้พอดี

    <<<<<<<

    ณ.ห้างแห่งหนึ่งในเมือง

    คอนโดของน้ำชาอยู่ไม่ไกลจากห้าง ใช้เวลาแค่ 10 นาที นั่งรถไฟฟ้ามาถึงลงสถานีด้านหน้าห้างพอดี ห้างที่ค่อนข้างเรียบง่าย สบายๆ ผู้คนไม่พลุกพล่าน

    พอมาถึงหน้าห่างเธอโทรหามะปรางเพื่อถามชื่อร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนึง น้ำชาก็รีบเดินไปยังที่นัดหมาย ด้วยรูปร่างเซ็กซี่เย้ายวน ทำเอาหนุ่มๆหลายคนที่เดินผ่านไปมามองตามหลังหญิงสาวเป็นตาเดียว แต่ติดนิดเดียวทรงผมเธอมันไม่เข้ากับเธอเท่าไหร่

    " นี้ยัยน้ำชา เมื่อไหร่แกจะไปทำผมแกให้มันดีสักทีห๊ะ" 

    มะปรางกล่าวด้วยความระอาเรื่องผมเธออะมันไม่เข้ากับเธอเลยนะ หน้าตาก็สะสวย เสียอย่างเดียวผมหยิกฟูเชียว…

    “ ก็ฉันก็จะว่าไปทำอยู่เนี่ย ”  น้ำชากล่าวตอบเพื่อนของเธอทันที

    “ มะ มะ นั่ง ทานข้าวดีกว่าเดี๋ยวค่อยว่ากัน ” มะปรางกล่าวพลางบ่นฉันหิวจะตายล่ะ

    ทั้งสองสั่งอาหารมาทาน พูดคุยสาระทุกข์สุขดิบในชีวิตประจำวันบอย่างสนุกสนานด้วยความสนิทสนมกันมานาน คุยถูกคอหัวเราะเสียงดังลั้นร้านเลย

    หลังจากทานอาหารเสร็จก็ต้องแยกย้าย มะปรางขอแยกตัวก่อนมีนัดกับผู้ชายไปดูหนัง ทำให้สุดท้ายน้ำชาต้องไปร้านทำผมคนเดียว

    “ ผ่านไป 1 ช.ม. ” หลังทำผมแล้วเปลี่ยนสีผมใหม่

    หญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูพาสเทล เดินออกมาจากร้านทำผม สวยหมดจดไม่มีที่ติสวยออร่ามาก ด้วยทรงยืดตรงยาวสไลด์ปลายยาวกลางหลัง ย้อมผมสีชมพู ซากุระ ตัดกับสีผิวขาวกระจ่างใสของเธอทำให้เธอโดดเด่น ดึงดูดสะกดทุกสายตา  เป็นที่จัับจ้องของคนที่เดินผ่านไปมา….

    หลังทำผมเสร็จเธอแวะเข้าร้านหาซื้อเครื่องสำอางและของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นที่ห้องใก้ลจะหมดพอดี น้ำชาจึงช็อปกระจายเลยจร้าถูกกวาดลงตะกร้าหมดโดยไม่สนราคาเพราะโบนัสที่ได้จากท่านประธานมานี้ช็อปปิ้งได้อีก10รอบเลยล่ะ การช็อปปิ้งช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดี

    “ โอ๊ย ” เดินประสาอะไรของคุณเนี้ย ( น้ำชาเอ่ย )

    ร่างเล็กเดินชนเขากับชายหนุ่มจนล้มลง ข้าวของกระจัดกระจายลงบนพื้น

    “ เป็นไรไหมครับ ” เจ้าของเสียงนั้นคือท่านประธาน

    เธอเงยหน้าขึ้นถึงกับตกใจ ท่านประธานมาได้ไงเนี้ย ทำเอาใจเต้น

    “ ตุ๊บ  ตุ๊บ ” 

    “ ไม่เป็นไรค่ะ ”

    “เอ๊ะ นี่เธอ ”

    ทำให้ เอ็นเน๊กซ์ ถึงกับตะลึงในความสวยของเลขาสาวเลยหล่ะ เขาเพิ่งเห็นหน้าเธอเต็มๆก็วันนี้แหละพอเธอทำผมใหม่ ใส่คอนแทคเลนส์ ทำให้เธอสวยไม่มีที่ติเลยที่เดียว สะกดให้บอสหนุ่ม ตกอยู่ในภวังค์เลยหล่ะ

    “ ขอโทษค่ะ ท่านประธาน ”

    “ โทษที ฉันคิดอะไรเพลินนิดหน่อย " ช่วยเลขาสาวเก็บข้าวของที่หล่นบนพื้น

    " ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษนะคะฉันไม่มอง " ร่างเล็กตอบกลับเสียงสั่น หัวใจเต้น

     “ ตุ๊บ ตุ๊บ ”

    กลัวท่านประธานจะว่าที่เธอทำสีผม แต่งตัวไม่เรียบร้อยรึป่าวนะ

    ทั้งสองใก้ลกันมากจนทำให้ชายหนุ่มได้กลิ่นหอมจากเนื้อตัวเธอลอยมาเตะที่จมูกเขา ลอยมาจากกายเลขาสาว กลิ่นหอมเรียบหรู คุณหนูสุดๆใก้ลกันมากจน จมูกแทบชนกันแล้วทำเอาเธอแก้มแดงไปหมด เขินจนแทบทำอะไรไม่ถูก 

    “ ขอตัวก่อนนะคะ ” 

    เธอรีบตัดบท แล้วรีบเดินจากไปทันที

    " เดี๋ยว เดี๋ยวสิ! "

    เสียงขมเข้มขิงเขา พูดรั้งให้เธอหยุดชะงัก เธอตกใจจนใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ยืนตัวแข็งทื่อ เธอไม่กล้าหันมามองหน้าเขาเลย

    เอ็นเน๊กซ์ประท่านหนุ่มยืนมองเธอจากด้านหลัง หุ่นอันเย้ายวนของเธอ รูปร่างหน้าตาสะสวยของเธอ ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะก่อนเอ่ยพูดขึ้น

    “ พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ ” น้ำเสียงเข้มขรึม ของเขาเอ่ยขึ้น 

    “ ได้ค่ะ ” น้ำชาเอ่ย

    “ มีเรื่องอะไรด่วนรึป่าวคะ ” น้ำชาเอ่ย

    “ ป่าวครับ ” ผมมีอะไรจะให้คุณช่วยดูหน่อย มาเช้าๆล่ะกัน 

    “ ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” น้ำชาเอ่ย 

    แล้วเดินจากไปช้าๆ ประธานหนุ่มยังคงยืนอยู่ที่เดิม แล้วมองตามเธอไปได้แต่คิดถึงเลขาสาวสวยว่า เธอเปลี่ยนลุคก็ดีนะ สวยเซ็กซี่น่ารัก เข้ากับรูปร่างเธอดีนะ การเปลี่ยนลุคครั้งนี้ทำให้ประธานหนุ่มสนใจเป็นอย่างมาก

    " วันซวยอะไรเนี้ย ดันเดินชนท่านประธานซะได้บ้าจริง " น้ำชาพึมพำออกมา พรุ่งนี้เขาจะมีอะไรคุยกับเรานะ เขาจะไล่เราออกรึป่าวนะ เลขาสาวเคร่งเครียดเป็นกังวลใจมาก

    เธอรีบนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโดทันที ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรต่อแล้ว กลับถึงห้องเธอรีบเปิดประตูแล้วเอาของที่ซื้อมา เก็บเข้าที่ แล้วล้มตัวลงนอนแผ่บนที่นอน เธอไม่มีกะจิตใจจะทำอะไรแล้ว ได้แต่กังวลเรื่องที่ท่านประธานจะคุยด้วยพรุ่งนี้เช้า จนเผลอหลับไป

     

    >>>>>>

    บทที่ 4  ลุคใหม่กระชากใจ

     เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น……เธอรีบอาบน้ำแต่งตัวรีบนั่งรถไฟฟ้าไปที่ทำงานทันทีเดินมาถึงหน้าบริษัท ทุกคนต่างตื่นเต้นมองน้ำชาลุคใหม่เป็นสายตาเดียวกัน ด้วยหุ่นสุดแซ่บ เซ็กซี่ สวยหวาน สะกดทุกสายตา ไม่ว่าทั้งพนักงานชายหญิงต่างจดจ้องเธอไม่ละสายตาเลย…

    “ สวัสดีครับคุณชา ” ลุงรปภ.กล่าวทักทาย

    “สวัสดีค่ะลุงยาม ” น้ำชาเอ่ยตอบกลับไป

    “ วันนี้สวยผิดหูผิดตาเลยนะเนี่ย ”ลุงรปภ.เอ่ยชมเลขาสาว

    “ พอดีเปลี่ยนลุคนิดหน่อยค่ะ ” เป็นไงบ้างค่ะน่าเกียจไหมค่ะเลขาสาวเอ่ยถาม

    “ สวยน่ารักดีครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ลุงรปภ.ตอบกลับไป

    “ ค่ะ ” น้ำชากล่าวแล้วเดินขึ้นลิฟท์ไป เธอรีบเดินเอากระเป๋าไปเก็บที่โต๊ะทำงาน

    เลขาสาวรีบไปชงแกาแฟ  แล้วตรงไปยังห้องท่านประธาน

    ก๊อก….ก๊อก…ก๊อก

    “ เข้ามาได้ "  ประธานหนุ่มเอ่ย

    “ สวัสดีค่ะ ท่านประธาน ” เลขาสาวกล่าวทักทาย

    เอ็นเน๊กซ์ เปิดลิ้นชักแล้วหยิบการ์ดสีชมพูขึ้นมา แล้วยื่นให้กับน้ำชาเลขาสาวเธอหยิบซองแล้วเปิดดู มันคือการ์ดเชิญไปงานเลี้ยงสังสรรค์หุ้นส่วนบริษัท วันนี้ 1 ทุ่ม เธอทำหน้ามึนงงเลยเอ่ยถามประธานหนุ่ม ……

    “ เอาการ์ดให้ดิฉันทำไมหรอคะ ” น้ำชาเอ่ยถาม

    “ เย็นนี้เตรียมตัวให้พร้อม ” ประธานหนุ่มตอบเสียงเข้มขรึม 

    “ ไปไหนค่ะ ” น้ำชาเอ่ยถาม

    “ ไปกินเลี้ยงกับฉัน แล้วแต่งตัวอย่าให้ฉันเสียหน้าล่ะ”

    ประธานหนุ่มพูดแกลมคำสั่ง เลขาสาวเธอรู้ดีว่าจะต้องไปห้ามปฏิเสธเด็ดขาดเธอเลยกล่าวตอบรับกลับไป

    “ ได้ค่ะ ”

    “ ออกไปได้ ” ประธานหนุ่มพูด แล้วหยิบแฟ้มเปิดเอกสารดูพร้อมจิบกาแฟไปด้วย

    น้ำชาได้แต่มึนงง กับมานั่งที่โต๊ะ ทำงานของเธอไปตามปกติ…จนเวลาล่วงเลยมาถึง เวลา 17:30 น. เธอจึงรีบลงลิฟท์นั่งรถไฟฟ้ากลับไปคอนโดทันที พอถึงห้องเธอรีบอาบน้ำแล้วมานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง  

    เธอแต่งหน้าแบบหวานๆแอบเซ็กซี่เล็กน้อย กรีดตานิดหน่อย ทาลิปสติกสีแดงตุ่น ปัดแก้มสีพีช หน้าเย้ายวนใจที่สุด เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า กวาดสายตาดูชุดในตู้เธอก็เจอชุดที่จะใส่ไปในงาน  เป็นชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงสายโซ่ผ่ากลางหน้าอกสั้นประมาณต้นขา 

    เธอสวมใส่ชุดพร้อมส้นสูงรีบนั่งรถไฟฟ้ากลับมาที่บริษัททันทีท่านประธานยืนรอพร้อมกับรถอยู่บริเวณหน้าบริษัทเธอรีบวิ่งจะหืดก็หงอกมาที่รถทันที

    “ ขอโทษที่ให้รอค่ะ ” เลขาสาวสวยกล่าวขอโทษ

    เอ็นเอ๊กซ์ประธานหนุ่มหันหน้ามามองที่เลขาสาว แลตะลึงกับความสวยเซ็กซี่ของเธอจ้องมองเธอจนสตั้นไปพักนึง

    “ ไปกันเลยไหมครับ ” คนขับรถเอ่ยถาม

    ทำให้ทันประธานกับมามีสติอีกครั้ง แล้วรีบตอบ “ ป่ะ! ไปกันเลย ” ระหว่างทางนั่งรถไปทั้งรถเงียบเชียบ ไม่มีใครพูดเลย “-” 

    จนมากระทั่งรถขับมาจอดหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง

    “ ถึงแล้วครับท่าน ” คนขับรถเอ่ยขึ้น

    “ เชิญครับ ” พร้อมกับลงรถมาเปิดประตูให้ทั้งคู่

    ประธานลงรถยืนสง่าผ่าเผยพร้อมยกแขนของขึ้นเพื่อให้เลขาสาวควงแขนเดินเข้างานทุกสายตาจับจ้องทั้งคู่แล้วซุบซิบกัน เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากด้วยรูปร่างสง่าของท่านประธานเลขาสาวที่ใส่ชุดสีแดงมาตัดกับผิวขาวๆของเธอ ออร่าจับปังมากทรงผมเกล้าหลวมๆปรอยผมปล่อยด้านหน้าเล็กน้อย 

    ทำให้เห็นลำคอไล่ลงมาถึงหัวไหล่สง่าผ่าเผย ผิวผ่องขาวนวล ออร่าดุจเจ้าหญิงเวลาผ่านลุล่วงไปจนจบงานทุกคนต่างพูดถึงคู่ของเธอกับท่านประธาน เป็นคู่ที่สาวหนุ่มในงานอิจฉา

    “ เดี๋ยวผมไปส่งที่คอนโดฯ ” ประธานหนุ่มเอ่ย

    “ ไม่เป็นไรค่ะ ”

    เดี๋ยวชานั่งแท๊กซี่กลับเองก็ได้ค่ะ ท่านประธานได้กลับไปพักผ่อนคอนโดฯของชาไม่ไกลค่ะนัางรถไป 20 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ

    “ มันดึกแล้ว เดี๋ยวผมไปส่ง ”

    เอ็นเน๊กซ์กล่าวพร้อน้ำเสียงเข้มขรึม  หน้าตึงนิดหน่อยจนเธอไปกล้าที่จะปฎิเสธได้แต่พยักหน้าตอบรับ นั่งรถออกมาจากโรงแรมสักพัก

    “ เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายข้างหน้าเลยค่ะ ” 

    คนขับรถเดินมาเปิดประตูน้ำชาเลขา ก้าวขาลงจากรถ แล้วหันกลับมาเอ่ยขอบคุณท่านประธานที่อุตส่าห์มาส่ง

    “ ขอบคุณที่อุตส่าห์มาส่งค่ะ ”

    “ ไปได้ ” รถขับเคลื่อนออกไปทันที  ~ ฟลิ้ว ~

     

    <<<<<<<

    บทที่ 5  ศึกชิงนาง

       เช้าวันต่อมา อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน เสียงเลขาสาวทักทายทุกคน ก่อนขึ้นลิฟท์ไป

    “ ติ๊ง ” เสียงลิฟท์เปิด เธอก็ทำกิจวัตรประจำวันเช่นเคย

    ก๊อก…ก๊อก…

    “ เชิญ ” 

    กาแฟค่ะท่านประธาน วันนี้ช่วงบ่ายท่านประธานมีนัดกับคุณภพ ผู้จัดการฝ่ายขายสาขาย่อยนะคะ ( คุณภพ คือเพื่อนสนิทท่านประธานที่โตมาด้วยกันน) ที่แจ้งรายละเอียดเสร็จก็ขอตัวกับไปทำงานก่อน 

        จนเวลาล่วงเลยมาถึง 11:55 น. แก๊ก…เสียงประตูห้องท่านประธานเปิดออก เขาเดินตรงไปหาน้ำชาเลขาสาว 

    “ ป่ะ ”

    เอ็นเน๊กซ์ประธานหนุ่มเอ่ยพูดขึ้น

    “ เราจะไปไหนค่ะ ” 

    เลขาสาวเอ่ยถามขึ้นแบบงงๆ

    “ ฉันหิวแล้วจะไปได้ยัง ”

    “ ค่ะ ค่ะ  เสร็จแล้วค่ะ "

    แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินลงลิฟท์ไปขึ้นรถที่จอดรอหน้าตึก รถก็แล่นไปยังร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ระหว่างที่นั่งทานอาหารกันเอ็นเน็กซ์ก็แอบมองน้ำชาตลอด ส่วนเลขาสาวก็นั่งทานอาหาร ทั้งสงสัยทั้งเกร็งไปหมดเงียบเชียบไม่มีใครพูดเลย

    " ~ "

    แกร๊ก….เสียงวางส้อมในมือของท่านประธานก่อนเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบของเธอ

    “ เธอพักอยู่กับใคร ”

    “ ดิฉันพักอยู่คนเดียวค่ะ ”

    “ แล้วเธอไม่มีแฟนหรือคุยๆอยู่กับใครหรอ ” ประธานหนุ่มถามคำถามนี้เธออึ้งอ้าปากค้าง

    “ มะ มะ ไม่มีค่ะ ” 

    “ พูดจริงหรอ ” 

    “ จริงค่ะ ” ท่านประธานมีอะไรรึป่าวค่ะ 

    “ ป่าว ” ไม่มีอะไรรีบกินเถอะ

    ทั้งคู่ก็กลับมายังบริษัทแล้วขึ้นไปทำงานต่อ ระหว่างพิมพ์งานไปน้ำชาก็ยังนั่งคิดเหม่อลอยกับสิ่งที่ท่านประธานถามจนกระทั่ง

    “ ขอโทษครับ ” เสียงคุณภพเอ่ยพูดขึ้นทำให้น้ำชาสะดุ้งเฮือก

    “ ค่ะ ขอประทานโทษค่ะ " 

    “ เดี๋ยวคุณภพรอสักครู่นะคะ ”น้ำชาเดินไปเคาะประตูห้องท่านประธาน 

    ก๊อก   ก๊อก …….  เปิดประตูเข้าไปในห้องท่านประธาน

    “ ขออนุญาตคะ คุณภพมาถึงแล้วค่ะ ”

    “ ให้เขาเข้ามาได้ ”

    “ ค่ะ ” ( เธอเดินตรงไปยังโซฟาหน้าห้องเพื่อไปเชิญคุณภพ ผู้จัดการฝ่ายขายเข้าพบท่านประธาน )

    “ เชิญคุณภพด้านในห้องได้เลยค่ะ ”

    “ ครับ ”  คุณภพตอบสั้นๆแล้วเดินเข้าไปห้องท่านประธาน

      บทสนทนาในห้อง

    คุณภพ : ยืนแฟ้มเอกสารให้ท่านประธานดู

    คุณภพ : นี้เป็นรายละเอียดยอดขายไตรมาสแรกครับ

    ท่านประธาน : ยอดขายค่อนข้างน่าพอใจเป็นอย่างมาก ทำได้ดีกว่าที่คิดไว้อีกนะ

    คุณภพ : ครับทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 15% เลยครับ

    ท่านประธาน : ได้ผู้จัดการเก่งแบบนี้สิครับยอดขายทะลุเกินเป้า555

    คุณภพ : 555 ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ท่านประธานชมเกินไป

    ท่านประธาน : เอาเป็นว่าที่เหลือคุณก็จัดการต่อได้เลยนะ

    คุณภพ : ครับ งั้นผมลาเลยนะ

    ท่านประธาน : จะรีบไปไหนล่ะ ไม่ได้เจอกันนานอยู่คุยกันก่อนสิเพื่อนทำเป็นคนอื่นไปได้

    คุณภพ : นี้ในเวลางานอยู่เลยครับ

    ท่านประธาน : นายเป็นเพื่อนสนิทฉันนะใครจะกล้าว่าอะไรน่านั่งคุยเป็นเพื่อนฉันหน่อย

    คุณภพ : ได้สิเพื่อน

    ตื๊ด……ตื๊ด…… ( เสียงโทรศัพท์โทรออกไปยังโต๊ะเลขาสาว )

    “ ค่ะ ท่านประธาน ” 

    “ นำไวน์เข้ามา 2 แก้ว ” 

    “ ค่ะ ”  ( น้ำชาตอบก่อนวางสาย ) ท่านประธานหันกับมาคุยต่อ

    ท่านประธาน : ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ยังชอบไปปาร์ตี้อยู่หรือเปล่า

    คุณภพ : ช่วงนี้เบาๆลงแล้วล่ะ ไปบ่อยจนเบื่อ555

    ท่านประธาน : ไม่หาคนมาคอยดูแลสักคนล่ะ 

    คุณภพ : อยากหาอยู่นะแต่ยังไม่เจอคนถูกใจเลย555

    เสียงเคาะประตูแทรกขึ้นมา

     ก๊อก…. ก๊อก…

    “ ขออนุญาตค่ะ ” 

    “ ไวน์ที่สั่งไก้แล้วค่ะ ”  เลขาสาวพูดพลางหยิบแก้วเสริฟ

    “ วางไว้แล้วออกไปได้  ” เอ็นเน๊กซ์ เอ่ยขึ้น 

    น้ำชาวางแล้วก็ก้มโคล้งแล้วหมุนตัวเดินออกไป

    คุณภพ : แล้วนายล่ะเมื่อไหร่จะมีแฟนสักที เห็นทำแต่งาน

    ท่านประธาน : ยังก่อนยังไม่คิดเรื่องนี้เลย

    คุณภพ : เลขานายนี้สวยเซ็กซี่หุ่นดี ถ้าไม่บอกคิดว่าดารานางแบบเลยนะ 

    คุณภพ : ว่าแต่เธอมีแฟนรึยังแนะนำให้ฉันหน่อยสิวะ

    ท่านประธาน : นายอย่าไปยุ่งกับเธอเลย (พูดด้วยเสียงหงุดหงิดนิดหน่อย พลางหยิบแก้วไวน์จิบ)

    คุณภพ : เธอสวยดึงดูดมากนายอดใจไหวได้ไง ไม่ใจอ่อนบ้างเลยหรอ

    ท่านประธาน :  ฉันก็เฉยนะไม่ได้คิดไร

    คุณภพ : ถ้านายไม่คิดแต่ฉันคิดนะ ฉันว่าเธอนี่แหละคนที่ใช่

    ท่านประธาน : อย่ายุ่งกับเธอนะ ( เสียงดุพร้อใกับสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด)

    คุณภพ : อะ..อะ..โอเคๆ ฉันแค่แซวนายเล่นๆน่า

    ท่านประธาน : เอาไว้วันหลังนัดกันใหม่นะ 

    คุณภพ : เคเพื่อน คิดยังไงกับเขาก็รีบบอกนะเดี๋ยวจะโดนคนอื่นตัดหน้าไปซะล่ะ ( คุณภพพูดทิ้งท้ายไว้ )

     ทั้งสองคนคุยกันล่วงเลยจนตอนนี้ 16:00 น.  เดินออกมาจากห้องท่านประธานเดินไปส่งหน้าลิฟท์ก่อนเดินกลับเข้าห้องไป ทำงานต่อไปจนถึงเวลาเลิกงาน น้ำชาก็ยังคิดไม่ตกเรื่ิงที่ท่านประธานถามถึงว่าเธอมีแฟนรึยัง กลับมานอนคิดกลิ้งไปมาที่ห้องอยู่นานสองนานก่อนไปอาบน้ำนอน

     

    <<<<<<< 

     

    บทที่ 6 สารภาพรัก

        ระหว่างที่น้ำชายังนอนอยู่บนที่นอน เสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น กริ๊ง….กริ๊ง….

    เธอสะลึมสะลือควานหาโทรศัพท์หยิบขึ้นมาดู ตอนนี้เวลา 03:30 น. สายเรียกเข้าคือท่านประธาน เธอกดรับสายอย่างไว

    “ ฮัลโหลค่ะ ท่านประธาน " 

    “ ท่านประธานมีอะไรด่วนรึป่าวค่ะ โทรมากลางดึกแบบนี้ " ปลายสายตอบกลับมาด้วยเสียงงัวเงีย

    “ เธออยู่ไหนมาหาฉันหน่อยสิ ” ท่านประธานพูดด้วยเสียงอู้อี้เขาดื่มเข้าไปพอสมควร

    “ ท่านประธานดื่มเมาหรอค่ะ "

    “ ตอนนี้อยู่ไหนเดี๋ยวฉันรีบไปค่ะ ” น้ำชาถามด้วยความเป็นห่วง

    “ ฉันอยู่ที่บริษัทรีบมานะฉันมีไรจะคุยด้วย " ประธานหนุ่มพูดก่อนสายจะตัดไป

    น้ำชารบลุกจากที่นอนกว่าเสื้อคลุมสีครีมใส่ทับชุดนอนสายเดี่ยวของเธอแล้วออกไปทันทีด้วยความเป็นห่วงท่านประธานไปถึงบริษัทเธอรีบวื่งขึ้นลิฟท์ทันที

    ติ๊ง…..เสียงลิฟท์เปิด

    เธอรีบวิ่งเปิดประตูห้องท่านประธานพวกเข้าไปเลยด้วยสีหน้ากระหืดกระหอบเธอเห็นท่านประธานเมาจุ๊บอยู่ที่โซฟาในห้องทำงานเธอรีบตรงเข้าไปปลุกเอ็นเน๊กซ์ทันที

    “ ท่านประธานค่ะ…..ท่านประธาน ”

    “ ทำไมดื่มเยอะขนาดนี้ค่ะ ” 

    “ ท่านประธานค่ะ…ตะตื่น…ตื่นเถอะค่ะ ชาเองค่ะ "

    ท่านประธานงัวเงียลืมตาขึ้นมาด้วยความเมา เขามองหน้าน้ำชาแล้วยิ้มมุมปากก่อนพูดว่า

    “ มาแล้วหรอ ฉันรอเธอตั้งนาน  ”

    “ ชาอยู่นี้แล้วค่ะ ” เธอนั่งข้างเอ็นเน็กซ์ประคองแขนเขาไว้ก่อนพูดว่า

    “ ป่ะค่ะ เดี๋ยวชาไปส่งคะ ” 

    น้ำชาเธอก็ลุกพยุงเอ็นเน๊กซ์ขึ้นแต่ด้วยรูปร่างบอบบางของเธอรับน้ำหนักตัวท่านประธานไม่ไหวเซล้มลงบนโซฟาทำให้ตัวเธอถูกท่านประธานทับขยับตัวไม่ได้เลย

    “วะ…ว้ายย ” น้ำชาอุทานขึ้น

    “ โอ๊๊ยย..หนักเป็นบ้าเลย ”  (เธอบ่นพึมพำตัวก็ไม่ใหญ่หนักเอาเรื่องเลบนะคะ) ด้วยความที่ล้มลงแรงพอสมควรทำให้ท่านประธานลืมตาขึ้นมาด้วยความที่ทั้งคู่ล้มทับกันอยู่ทำให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมาก มากจนปลายจมูกจะชนกันอยู่แล้ว ทำให้น้ำชามองหน้าเอ็นเป๊กซ์ครั้งนี้แรกที่ใกล้ชิดขนาดนี้เธอเขินจนหน้าแดงก่อนพูดขึ้น

    “ ท่านประธานคะ ช่วยลุกขึ้นหน่อยค่ะ ” ท่านกำลังทับชาอยู่เธอพูดเสียงสั่น

    “ ฉันอยากอยู่แบบนี้ อยากมองหน้าเธอนานๆได้ไหม ”

    ท่านประธานพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พลางเอาหน้ามาใก้ลอีก  

    “ เธอสวยขนาดนี้จะไม่ให้ตกหลุมรักได้ไง ” ชาที่ได้ยินท่านประธานพูดก็ยิ่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกได้แต่ทำตาเบิกโพลง กลั้นหายใจเพราะตื่นเต้น ไม่คิดว่าเอ็นเอ๊กซ์จะสารภาพรักกับเธอ

    “ เธอล่ะ รังเกียจฉันรึป่าว ” ประธานหนุ่มเอ่ยถาม

    “ มะ ..มะ..ไม่ค่ะ  ท่านประธานเมามากแล้วค่ะ ” น้ำชาเลขาสาวเอ่ย

    “ ฉันพูดจริงไม่ได้พูดก็เพราะเมา อันชอบเธอจริงนะ ” 

    “ ฉันพยายามแล้วแต่ก็ทนเก็บไว้ไม่ได้แล้ว ” ประธานหนุ่มพูดก่อนจะค่อยๆจูบเธอ

    น้ำชาที่ช็อคจากการโดยสารภาพรักยังไม่พอกับโดนประท่านหนุ่มจูบเข้าให้แต่เธอไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะเธอเองก็ชอบท่านประธานเหมือนกันแล้วจากนั้นทั้งคู่ก็เลยเทิดมีอะไรกันที่โซฟานั้นแล้วเอ็นเน๊กซ์ประธานหนุ่มนอนกอดน้ำชาไว้ในอ้อมแขนเขาก่อนหยิบกล่องแหวนมอบให้เธอก่อนขอเธอแต่งงาน….. น้ำชายืนมือให้เอ็นเน๊กซ์สวมแหวนก่อนเขาจะจุ๊บที่หน้าผากของเธอจบแบบhappy ending????

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
      ×